วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
พิพิธภัณฑ์สัตว์ทะเลโอซาก้า
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอซาก้า(Osaka Aquarium) หรือที่เรียกว่า Kaiyukan ตั้งอยู่ที่ Tempozan Harbor Village บริเวณอ่าวโอซาก้า พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น มีสัตว์น้ำหลากหลายชนิดที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก และทางเดินเข้าชมต่างๆก็จัดไว้อย่างดี
- ค่าบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคังคนละ 3000 เยน
สามารถดูชีวิตใต้น้ำของสัตว์ทะเลได้ โดยมีการจัดแสดงไว้ทั้งหมด 15 ตู้ แต่ละตู้ก็จะมีสัตว์ทะเลที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิคต่างพื้นที่กัน ตู้ที่ใหญ่ที่สุดก็คือ Central Tank มีความลึกถึง 9 เมตร ภายในตู้จำลองชีวิตในมหาสมุทรแฟซิฟิคมาไว้ให้ได้ชม และที่พลาดไม่ได้ก็คือ ฉลามวาฬ สามารถดูได้ที่ตู้นี้อีกด้วย ในการเดินชมจะนั้นจะเริ่มเดินตั้งแต่ชั้น 8 และวนลงมาเรื่อยๆ โดยตรงกลางนั้นคือ Central Tank ซึ่งขณะเดินลงมาแต่ละชั้นก็จะได้พบกับสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในความลึกที่ต่างกัน
ศาลเจ้าเทพอินาริ
ศาลเจ้าเทพอินาริ (伏見稲荷大社, Fushimi Inari Shrine) หรือที่คนไทยชอบเรียกกันว่าศาลเจ้าแดงหรือศาลเจ้าจิ้งจอกเป็นศาลเจ้าชินโต(Shinto)ที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต(Kyoto) มีชื่อเสียงโด่งดังจากประตูโทริอิ (Torii Gate) หรือเสาประตูสีแดงที่เรียงตัวกันข้างหลังศาลเจ้าจำนวนหลายหมื่นต้นจนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริ ที่ผู้คนเชื่อกันว่าเป็นภูเขาศักสิทธ์ โดยเทพอินาริจะเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ การเก็บเกี่ยวข้าว รวมไปถึงพืชผลไร่นาต่างๆ และมักจะมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย(บ้างก็ว่าท่านชอบแปลงร่างเป็นจิ้งจอก) จึงสามารถพบเห็นรูปปั้นจิ้งจอกมากมายด้วยเช่นกัน ศาลเจ้าแห่งนี้มีความเก่าแก่มากถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนสร้างเมืองเกียวโตซะอีก คาดกันว่าจะเป็นช่วงประมาณปีค.ศ. 794 หรือกว่าพันปีมาแล้ว
ตัวอาคารศาลเจ้าเองก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ทั้ง Romon Gate ทางด้านหน้า และตัวอาคารหลักที่เรียกว่า Honden และยังมีส่วนประกอบศาลเจ้าที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง กระจายกันอยู่รอบๆบริเวณ และทางด้านหลังศาลเจ้าจะเป็นทางเดินขึ้นเขา ที่ปกคลุมไปด้วยเสาโทริอิ ซึ่งเสาโทริอิเหล่านี้ มาจากการบริจาค ทั้งจากคนและองค์กรต่างๆ สามารถสังเกตเห็นได้จากตัวหนังสือข้างหลังเสา โดยราคาเริ่มจากไม่กี่ร้อยเยนสำหรับเสาต้นเล็กๆ ไปจนถึงหลายล้านเยนสำหรับเสาต้นใหญ่ๆ
ระหว่างทางเดินขึ้นเขาจะพบศาลเจ้าเล็กๆได้ตลอดทาง รวมถึงเสาโทริอิแบบเล็กๆ และจิ้งจอกตัวเล็กๆด้วย สำหรับคนที่งบน้อยสามารถเลือกบริจาคซื้อแบบเล็กๆเอามาวางได้เหมือนกัน อีกทั้งยังมีจะมีร้านอาหารและขนมระหว่างทางที่ขายอาหารแบบชุดพิเศษให้เข้ากับสถานที่เช่น ซูชิจิ้งจอก อูด้งจิ้งจอก โดยถ้าจะเดินทั้งเขาอาจจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ด้วยระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร วนเป็นวงกลมลงมาที่จุดเดิม ช่วงประมาณ 1 กิโลเมตรแรกของทางขึ้นเขาจะมีจุดชมวิวที่เรียกว่า ทางแยกโยซึซึจิ(Yotsutsuji intersection) ที่จะสามารถเห็นวิวเมืองโตเกียวได้ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะจบการเดินทางที่จุดชมวิวแห่งนี้เพราะทางเดินขึ้นเขาต่อไปก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเดิมนัก
วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
Shopping : ย่าน Shinsaibashi
เป็นศูนย์กลางการ shopping ที่ใหญ่ที่สุดของ Osaka อยู่ในเขตการปกครองโชกุ (Chuo-ku) ครอบคลุมพื้นที่ในบริเวณ Shinsaibashi-suji พื้นที่ ชินไซบาชินี้ถูกตั้งชื่อตามสะพานข้ามคลองนากาโอริกาวะ (Nagahori-gawa) เมื่อสมัยก่อน ที่สร้างโดยพ่อค้าในแถบนั้น ซึ่งมีการตั้งร้านค้ามากมาย ไม่ต่างกับปัจจุบัน จนทำให้เขตนี้เป็นเขตของคนที่รัก การช้อปปิ้งในโอซาก้า ในปัจจุบันคลองดังกล่าว ได้ถูกเปลี่ยนเป็นถนน และเขตชินไซบาชิ ก็ยังเป็นเป็นศูนย์กลางของการช้อปปิ้งของโอซาก้า
Osaka castle
การเข้าชม
ค่าเข้าชม:
600 เยน
เวลาเปิด-ปิด:
9:00 - 17:00 น.
* เข้าชมรอบสุดท้ายก่อนเวลาปิด 30 นาที
วันปิดทำการ:
28 ธันวาคม - 1 มกราคม
วิธีการเดินทาง
สามารถเลือกลงได้หลายสถานี แล้วเดินเล่นต่อจนถึงตัวปราสาท จะใช้เวลาเดินประมาณ 10-20 นาที สถานีที่ใกล้ที่สุดจะเป็นสถานี Morinomiya ได้ทั้งรถไฟใต้ดินและ JR หรือ
รถไฟใต้ดิน: เดิน 10 นาที จาก Tanimachi 4-chrome Station [Tanimachi Subway Line, Chuo Subway Line]
รถไฟ: เดิน 10-15 นาที จาก Osakajokoen Station [JR Loop Line]
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)